วันอาทิตย์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2555

มงคล 38 ประการ

มงคล คือเหตุแห่งความสุข ความก้าวหน้าในการดำเนินชีวิต ซึ่งพระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงไว้ให้พุทธศาสนิกชนได้พึงปฏิบัติ นำมาจากบทมงคลสูตรที่พระพุทธเจ้าตรัสตอบปัญหาเทวดาที่ถามว่า คุณธรรมอันใดที่ทำให้ชีวิตประสบความเจริญหรือมี "มงคลชีวิต" ซึ่งมี ๓๘ ประการได้แก่
๑. การไม่คบคนพาล
๒. การคบบัญฑิต
๓. การบูชาบุคคลที่ควรบูชา
๔. การอยู่ในถิ่นอันสมควร
๕. เคยทำบุญมาก่อน
๖. การตั้งตนชอบ
๗. ความเป็นพหูสูต
๘. การรอบรู้ในศิลปะ
๙. มีวินัยที่ดี
๑๐.กล่าววาจาอันเป็นสุภาษิต
๑๑.การบำรุงบิดามารดา
๑๒.การสงเคราะห์บุตร
๑๓.การสงเคราะห์ภรรยา
๑๔.ทำงานไม่ให้คั่งค้าง
๑๕.การให้ทาน
๑๖.การประพฤติธรรม
๑๗.การสงเคราะห์ญาติ
๑๘.ทำงานที่ไม่มีโทษ
๑๙.ละเว้นจากบาป
๒๐.สำรวมจากการดื่มน้ำเมา
๒๑.ไม่ประมาทในธรรมทั้งหลาย
๒๒.มีความเคารพ
๒๓.มีความถ่อมตน
๒๔.มีความสันโดษ
๒๕.มีความกตัญญู
๒๖.การฟังธรรมตามกาล
๒๗.มีความอดทน
๒๘.เป็นผู้ว่าง่าย
๒๙.การได้เห็นสมณะ
๓๐.การสนทนาธรรมตามกาล
๓๑.การบำเพ็ญตบะ
๓๒.การประพฤติพรหมจรรย์
๓๓.การเห็นอริยสัจ
๓๔.การทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน
๓๕.มีจิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
๓๖.มีจิตไม่เศร้าโศก
๓๗.มีจิตปราศจากกิเลส
๓๘.มีจิตเกษม

วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

งู

งู (อังกฤษ: Snake) เป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง ไม่มีขา ไม่มีเปลือกตา มีเกล็ดปกคลุมผิวหนังทั่วทั้งลำตัว ลักษณะลำตัวยาวซึ่งโดยขนาดของความยาวนั้น จะขึ้นอยู่กับชนิดของงู ปราดเปรียวและว่องไวในการเคลื่อนที่ มีลิ้นสองแฉกเพื่อใช้สำหรับรับความรู้สึกทางกลิ่น จัดอยู่ในชั้นReptilia, ตระกูล Squamata, ตระกูลย่อย Serpentes โดยทั่วไปแล้วงูจะกลัวและไม่กัด นอกเสียจากถูกรบกวนหรือบุกรุก จะเลื้อยหลบหนีเมื่อมีสิ่งใดเข้ามาใกล้บริเวณที่อยู่ ออกล่าเหยื่อเมื่อรู้สึกหิว โดยกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กเป็นอาหาร ยกเว้นงูบางชนิดที่กินงูด้วยกันเอง เช่นงูจงอางสามารถมองเห็นได้ดีในที่มืดและในเวลากลางคืน[1]

โดยทั่วไปจะออกลูกเป็นไข่ ยกเว้นแต่งูที่มีพิษซึ่งมีผลโดยตรงทางด้านโลหิต (Vipers) ซึ่งจะออกลูกเป็นตัว เช่นงูแมวเซา ธรรมชาติโดยทั่วไปของงู จะทำการลอกคราบเป็นระยะเวลา และจะบ่อยครั้งเมื่องูยังมีอายุไม่มากนัก ซึ่งภายหลังจากการลอกคราบของงู จะทำให้เกล็ดที่ปกคลุมผิวหนัง มีสีสันสดใสรวมทั้งทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างรวดเร็ว

ปัจจุบัน มีงูถูกค้นพบแล้วประมาณ 2,700 ชนิด แต่เป็นงูไม่มีพิษประมาณ 2,300 ชนิด

สำหรับในประเทศไทยมีงูจำนวนมากตามสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิต ทั่วทุกภูมิภาพของประเทศไทยสามารถพบเห็นงูได้มากกว่า 180 ชนิด โดยเป็นงูที่มีพิษจำนวน 46 ชนิด และสามารถจำแนกงูที่มีพิษออกได้อีก 2 ประเภทคือ

  1. งูที่มีพิษ โดยอาศัยอยู่บนบก จำนวน 24 ชนิด
  2. งูที่มีพิษ โดยอาศัยอยู่ในทะเล จำนวน 22 ชนิด

ซึ่งโดยรวมแล้วงูที่มีพิษนั้น ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ งูที่มีพิษต่อระบบประสาทและงูที่มีพิษต่อระบบโลหิต

ไก่

ไก่ (อังกฤษ: Chicken) จัดอยู่ในประเภทสัตว์ปีกจำพวกนก ชื่อวิทยาศาสตร์ Gallus gallus มีหลายวงศ์ บินได้ในระยะสั้น หากินตามพื้นดิน ตกไข่ก่อนแล้วจึงฟักเป็นตัว ตัวผู้หงอนใหญ่และเดือยยาว เช่น ไก่แจ้ ไก่อู ไก่ตะเภา ไก่เบตง ไก่ดำ ไก่นา

ช้าง

(หรือที่รู้จักกันในชื่อ ช้างอินเดีย) ส่วนสปีชีส์และสกุลอื่นของวงศ์ Elephantidae ล้วนสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว บางสปีชีส์หรือสกุลสูญพันธุ์ไปตั้งแต่ยุคน้ำแข็งครั้งหลังสุด ถึงแม้ว่าช้างแมมมอธในรูปแคระอาจสืบสายพันธุ์ต่อมาจนถึง 2,000 ปีก่อนคริสตกาล[1] ช้างและสัตว์ในวงศ์ Elephantidae อื่น ๆ เคยถูกจัดเป็นประเภทเดียวกับสัตว์หนังหนาอื่น ๆ ชื่อว่าอันดับ Pachydermata ซึ่งปัจจุบันเลิกใช้แล้ว

ช้างนับเป็นสัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน[2] ใช้เวลาการตั้งครรภ์ถึง 22 เดือน ซึ่งนับว่านานที่สุดในบรรดาสัตว์บกทุกชนิด ช้างแรกเกิดมีน้ำหนักเฉลี่ย 120 กิโลกรัม มีอายุขัยอยู่ระหว่าง 50 ถึง 70 ปี แต่ช้างอายุมากที่สุดที่เคยบันทึกไว้มีอายุถึง 82 ปี[3] ช้างขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยบันทึกไว้อาศัยอยู่ในแองโกลาในปี ค.ศ. 1956 ซึ่งมีน้ำหนักถึง 11,000 กิโลกรัม[4] ความสูงวัดถึงไหล่ 3.96 เมตร สูงกว่าช้างแอฟริกาเพศผู้ทั่วไปถึงหนึ่งเมตร[5] ส่วนช้างที่มีขนาดเล็กที่สุดนั้น มีขนาดประมาณเท่ากับลูกวัวหรือหมูตัวใหญ่ ๆ เป็นสปีชีส์ก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งเคยอาศัยอยู่บนเกาะครีตระหว่างสมัยไพลสโตซีน[6] จากการสังเกตการณ์ ช้างเพศผู้ที่มีสุขภาพดีนั้นไม่มีนักล่าตามธรรมชาติ[7] ถึงแม้ว่าสิงโตจะล่าลูกช้างหรือช้างที่อ่อนแอบ้าง[8][9] อย่างไรก็ตาม ช้างถูกคุกคามโดยการบุกรุกที่อยู่อาศัยของมนุษย์และการล่า

ช้างเป็นสัญลักษณ์ของปัญญาในวัฒนธรรมเอเชียและมีกิตติศัพท์ว่ามีความจำและความฉลาดที่ดี โดยระดับสติปัญญาของมันนั้นคาดกันว่าจะเท่ากับของโลมา[10][11][12][13] หรือไพรเมต[14][15] เลยทีเดียว อริสโตเติล เคยกล่าวไว้ว่า ช้างเป็น "สัตว์ซึ่งเหนือกว่าสัตว์ทั้งปวงทั้งในด้านไหวพริบและจิตใจ

หอยทาก

« เมื่อ: ธันวาคม 22, 2009, 11:06:22 PM »

ไข่หอยทาก ชวนแหวะสำหรับหลายๆคน ซึ่งหอยทากบ้านเขากับหอยทากบ้านเราไม่เหมือนกัน แต่ที่นิยมนอกจากตัวมันแล้วยังมีไข่มันด้วย....


http://arbroath.blogspot.com/2009/12/snail-caviar-is-toast-of-french.html

Credit : Thaizad
บันทึกการเข้า

โซ่ก็ไม่แก้ กุญแจก็ไม่ไข มันจะแก้ยังไง
ミッギー
Shadow Admin
Legendary Pilot
*
กระทู้: 2450


Ajax Amsterdam


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 02:43:27 PM »

กินได้เราะนั่น
บันทึกการเข้า



ลายเซ็นสวยๆ ของเราชาว TSC อัพเดทแล้วที่นี่
http://www.thaisrw.com/board/index.php/topic,2243.0.html
โอตาคุเบื่อโลก
Rookie Pilot
*
กระทู้: 32


I'm a doll


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 11:07:55 PM »

ทุเรศอ่ะ เหอๆ มันกินเข้าไปได้ไงอ่ะ ดูมันสิ หนืดๆ
บันทึกการเข้า

Status : Boring

การแอ็บแบ๊วเท่านั้นที่ครองโลก
SNSD = Good
After School = Good
Kara = Better
T-ara = Bestest

WITTHAWAT
Pilot
**
กระทู้: 93


ฝันให้ไกล ไปให้ถึง

คิดเอาเอง ผมอยู่ที่ไหน
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2010, 12:21:54 PM »

อ้าวนึกว่าเป็นอาหารจำพวก ขนมปัง ไส้กรอกซะอีกนะเนี้ย
บันทึกการเข้า
catcomp
Beginner Pilot

กระทู้: 7


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 13, 2010, 04:46:36 PM »

อี๋......

ตัวเงินตัวทอง

"ตัวเงินตัวทอง" หรือ "ตัวเหี้ย" เป็นสัตว์เลื้อยคลานในกลุ่ม monitor lizard ด้วยรูปร่างที่แปลกประหลาด ดูน่าเกลียดน่ากลัวในสายตาของคนทั่วไป และพฤติกรรมส่วนตัวของมันที่เป็นนักฉกฉวยโอกาส ลักขโมยไม่ว่าจะเป็น ไข่ของสัตว์อื่นๆ หรือสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ ทำให้คำว่าตัวเหี้ยกลายเป็นภาษาที่ไม่สุภาพในที่สุด ทั้งที่แท้จริงแล้ว "เหี้ย" คือชื่อที่ถูกต้อง

ตัวเหี้ย (Varanus salvator) หรือชื่อสากลว่า water monitor มีรูปร่างดูคล้ายกิ้งก่าขนาดใหญ่ ปลายลิ้นแยกเป็นสองแฉกคล้ายงู ใช้สำหรับรับกลิ่นต่างๆ รอบตัว ชอบอาศัยอยู่บริเวณใกล้แหล่งน้ำ พบได้ทั้งในบริเวณแหล่งน้ำจืดและน้ำเค็ม เช่น ป่าจากและป่าชายเลน ว่ายน้ำเก่งกว่าเพื่อนๆ ในสกุลเดียวกัน ดำน้ำได้นาน เวลาที่ตกใจหรือเจอศัตรู มักจะหนีลงน้ำไปอย่างรวดเร็ว ชอบหากินของเน่าเปื่อย เศษซากอาหาร บางครั้งก็จะกินสัตว์เป็นๆ เช่นไก่หรือเป็ดที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้

ในประเทศไทย เพื่อนๆ ของตัวเหี้ยยังมีอยู่อีก 3 ชนิด ตัวแรกคือ คือ ตะกวด (Varanus bengalensis nebulosus) หรือภาษาอีสานเรียกว่า "แลน" คนมักเข้าใจผิดว่าเป็นตัวเหี้ยเสมอ ตะกวดจะมีสีเรียบออกโทนสีน้ำตาลทั้งตัว ขณะที่ลำตัวของตัวเหี้ยเป็นสีดำมีลายดอกสีเหลืองเรียงอยู่อย่างมีระเบียบ รูปร่างส่วนใหญ่อาจจะดูคล้ายกัน แต่เมื่อสังเกตที่รูจมูกของตะกวด จะเห็นว่าอยู่ห่างจากปลายปากมาก ต่างจากตัวเหี้ยซึ่งรูจมูกอยู่ใกล้ปลายปากมาก

อีก 2 ชนิดที่เหลือคือ เห่าช้าง (Varanus rudicollis) และตุ๊ดตู่ (Varanus dumerilii) พบทางแถบตอนใต้ของประเทศไทยเท่านั้น เห่าช้างฟังชื่อดูคล้ายงูเห่า แต่จริงๆ แล้วเป็นกลุ่มเดียวกับตะกวดและตัวเหี้ย เกล็ดที่คอดูคล้ายๆ หนามของทุเรียน ตัวสีดำมัน มีจุดสีเหลืองบ้างประปราย ชื่อเห่าช้างได้มาจากเสียงที่ใช้ขู่ศัตรู ฟังดูคล้ายเสียงขู่ของงูเห่า ส่วนเพื่อนชนิดสุดท้ายของตัวเหี้ยคือ ตุ๊ดตู่ เป็นชนิดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย เกล็ดที่คอแบนราบมีขนาดใหญ่ เมื่อออกมาจากไข่ 1-2 สัปดาห์แรกจะมีสีสันที่หัวเป็นสีส้ม สวยงามมาก จากนั้นสีส้มนี้จะค่อยๆ จางหายไป นิสัยรักสงบ ไม่ดุร้าย

ปัจจุบันสัตว์สกุลนี้ถูกคุกคามอย่างหนัก ทั้งจากการตัดไม้ทำลายป่าซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเห่าช้างและตุ๊ดตู่ หนำซ้ำยังมีการล่าจากพวกพ่อค้าสัตว์ป่าด้วย เพื่อเป็นอาหารและนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง ยิ่งเมื่อพื้นที่ชุ่มน้ำหลายแห่งถูกแปรสภาพเป็นตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทาง หรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่รองรับการขยายถิ่นฐานของคนเรา ยิ่งทำให้ที่อยู่อาศัยของพวกมันลดน้อยลง

ข้อมูลเฉพาะตัว
ชื่ออังกฤษ : Water Monitor
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Varanus salvator
วงศ์ : VARANIDAE
ถิ่นกำเนิด : เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งอินเดียและศรีลังกา ในไทยพบได้ทุกภาค
การขยายพันธุ์ : ขุดหลุมหรือทำโพรงเป็นที่วางไข่ ไม่ฟักไข่ คือพ่อแม่ไม่ต้องกกไข่ ลูกฟักตัวออกมาเองจากไข่โดยธรรมชาติ ลูกออกมาจากไข่แล้วหากินเอง ไข่เปลือกนิ่มแต่เหนียว
อาหาร : ไม่เลือกอาหาร กินทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ สัตว์ปีก เช่น ไก่ นก ปลา กบ เขียด หนู กินได้ทั้งของสดและของเน่า
ขนาด : ความยาวยาวประมาณ 40เซนติเมตร หางยาวประมาณ 70 เซนติเมตร ( ตัวใหญ่สุดเคยวัดได้ยาวถึง 2.5 เมตร)

หมีควาย




หมีควาย, หมีดำ

หมีควายเป็นหมีขนาดกลาง และเป็นหมีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตัวยาวประมาณ 130-190 เซนติเมตร ตัวผู้หนัก 100-200 กิโลกรัม ตัวเมียหนัก 50-125 กิโลกรัม มีขนหยาบสีดำหรือน้ำตาลทั่วทั้งตัวยกเว้นบริเวณอกซึ่งขนสีเหลืองอ่อนเป็นรูปตัววี (V) ขนบริเวณหัวไหล่และคอจะยาวเป็นพิเศษ หูค่อนข้างใหญ่ ฝ่าตีนใหญ่เดินเต็มตีน รอยตีนของหมีจึงดูคล้ายรอยตีนคน มีเล็บยาวและแหลมคม

หมีควายชอบอาศัยในป่าเขา แต่ก็พบในที่ราบได้บ้าง อยู่ในเขตกระจายพันธุ์อยู่ในเอเชียตะวันออก ตั้งแต่ อัฟกานิสถาน อิหร่าน บังกลาเทศ ภูฏาน จีน รัสเซีย อินเดีย เนปาล ปากีสถาน พม่า ไทย กัมพูชา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย มองโกเลีย เกาะฮอนชูและชิโกกุของญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี พบได้สูงถึง 3,000 เมตร

หมีควายหากินโดยลำพังยกเว้นครอบครัวแม่ลูก พื้นที่หากินราว 10-20 ตารางกิโลเมตร หากินเวลากลางคืน แต่ก็อาจพบตอนกลางวันได้บ้าง กินทั้งพืชและสัตว์ ส่วนใหญ่เป็นพืชมากกว่า แต่ถ้าเทียบสัดส่วนของประเภทอาหารแล้วหมีควายยังกินเนื้อสัตว์มากกว่าหมีในทวีปอเมริกา อาหารของหมีควายเช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนาดเล็ก แมลง นก ปลา หอย และซากสัตว์ ส่วนอาหารประเภทพืชได้แก่หญ้า ผลไม้ เมล็ดพืช นอกจากนี้ก็กินน้ำผึ้งด้วย ปีนต้นไม้เก่งมาก แม้จะมีรูปร่างอ้วนอุ้ยอ้ายแต่ก็วิ่งได้เร็วมาก

แม้หมีควายจะไม่ดุร้ายอย่างรูปร่างภายนอก หมีควายมักเลี่ยงคนมากกว่าที่จะเข้าโจมตี แต่ถ้าเทียบกับหมีดำอเมริกาแล้ว หมีควายค่อนข้างดุร้ายมากกว่า มีประวัติทำร้ายคนมากกว่า

หมีควายบางตัวย้ายแหล่งหากินตามฤดูกาล ในฤดูร้อนจะย้ายขึ้นไปอาศัยบนที่สูง ส่วนในฤดูหนาวจะลงมาพื้นที่ต่ำกว่า หมีควายที่อาศัยในถิ่นหนาวจะมีพฤติกรรมที่คล้ายกับการจำศีลด้วย เช่นในญี่ปุ่น หมีควายจะหลับยาวเป็นเวลาราว 5 เดือน แต่ในเขตร้อนหมีควายไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น

ฤดูผสมพันธุ์ของหมีควายอยู่ราวเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม และออกลูกราวเดือนมกราคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ แต่บางสถานที่ฤดูอาจแตกต่างออกไป เช่นในปากีสถาน ฤดูผสมพันธุ์จะเริ่มในฤดูใบไม้ร่วง ออกลูกคราวละ 1-4 ตัว ลูกหมีจะอยู่กับแม่เป็นเวลา 2-3 ปี เมื่ออายุได้ 3-4 ปีก็ผสมพันธุ์ได้แล้ว หมีควายมีอายุขัยราว 25 ปี ในสวนสัตว์ที่มีการดูแลดีอาจอยู่ได้ถึงกว่า 30 ปี

หมีควายถูกคุกคามจากมนุษย์หลายรูปแบบ ชาวบ้านชายป่าจะฆ่ามันเพราะเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง คนทำไม้จะฆ่ามันเพราะหมีชอบกัดแทะไม้ทำให้ราคาตก และที่ร้ายแรงก็คือ ดีหมีเป็นที่ต้องการในตลาดยาจีน จึงมีพรานหลายคนยอมเสี่ยงตายเพื่อล่าหมีเอาถุงน้ำดีไปขาย

ไอยูซีเอ็นประเมินว่า หมีควายพันธุ์บาลอค (U.t.gedrosianus) อยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง ส่วนพันธุ์อื่นอยู่ในสภาวะเสี่ยงสูญพันธุ์ ไซเตสจัดหมีควายไว้ในบัญชีหมายเลข 1

ทราบหรือไม่?
- หมีควายและหมีดำอเมริกันมีสายเลือดใกล้ชิดกัน คาดว่าทั้งสองชนิดมีบรรพบุรุษร่วมที่อาศัยอยู่ในยุโรป
- ฝรั่งมองรูปตัววีที่หน้าอกหมีควายเป็นรูปจันทร์เสี้ยว จึงมีชื่อภาษาอังกฤษว่า moon bear
- หมีควายอาศัยร่วมพื้นที่กับหมีแพนด้าในป่าอนุรักษ์ว่อหลงในประเทศจีน