วันอังคารที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2554

งู

งู (อังกฤษ: Snake) เป็นสัตว์เลื้อยคลานชนิดหนึ่ง ไม่มีขา ไม่มีเปลือกตา มีเกล็ดปกคลุมผิวหนังทั่วทั้งลำตัว ลักษณะลำตัวยาวซึ่งโดยขนาดของความยาวนั้น จะขึ้นอยู่กับชนิดของงู ปราดเปรียวและว่องไวในการเคลื่อนที่ มีลิ้นสองแฉกเพื่อใช้สำหรับรับความรู้สึกทางกลิ่น จัดอยู่ในชั้นReptilia, ตระกูล Squamata, ตระกูลย่อย Serpentes โดยทั่วไปแล้วงูจะกลัวและไม่กัด นอกเสียจากถูกรบกวนหรือบุกรุก จะเลื้อยหลบหนีเมื่อมีสิ่งใดเข้ามาใกล้บริเวณที่อยู่ ออกล่าเหยื่อเมื่อรู้สึกหิว โดยกินสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็กเป็นอาหาร ยกเว้นงูบางชนิดที่กินงูด้วยกันเอง เช่นงูจงอางสามารถมองเห็นได้ดีในที่มืดและในเวลากลางคืน[1]

โดยทั่วไปจะออกลูกเป็นไข่ ยกเว้นแต่งูที่มีพิษซึ่งมีผลโดยตรงทางด้านโลหิต (Vipers) ซึ่งจะออกลูกเป็นตัว เช่นงูแมวเซา ธรรมชาติโดยทั่วไปของงู จะทำการลอกคราบเป็นระยะเวลา และจะบ่อยครั้งเมื่องูยังมีอายุไม่มากนัก ซึ่งภายหลังจากการลอกคราบของงู จะทำให้เกล็ดที่ปกคลุมผิวหนัง มีสีสันสดใสรวมทั้งทำให้เคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างรวดเร็ว

ปัจจุบัน มีงูถูกค้นพบแล้วประมาณ 2,700 ชนิด แต่เป็นงูไม่มีพิษประมาณ 2,300 ชนิด

สำหรับในประเทศไทยมีงูจำนวนมากตามสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงต่อการดำรงชีวิต ทั่วทุกภูมิภาพของประเทศไทยสามารถพบเห็นงูได้มากกว่า 180 ชนิด โดยเป็นงูที่มีพิษจำนวน 46 ชนิด และสามารถจำแนกงูที่มีพิษออกได้อีก 2 ประเภทคือ

  1. งูที่มีพิษ โดยอาศัยอยู่บนบก จำนวน 24 ชนิด
  2. งูที่มีพิษ โดยอาศัยอยู่ในทะเล จำนวน 22 ชนิด

ซึ่งโดยรวมแล้วงูที่มีพิษนั้น ได้ถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ งูที่มีพิษต่อระบบประสาทและงูที่มีพิษต่อระบบโลหิต

ไก่

ไก่ (อังกฤษ: Chicken) จัดอยู่ในประเภทสัตว์ปีกจำพวกนก ชื่อวิทยาศาสตร์ Gallus gallus มีหลายวงศ์ บินได้ในระยะสั้น หากินตามพื้นดิน ตกไข่ก่อนแล้วจึงฟักเป็นตัว ตัวผู้หงอนใหญ่และเดือยยาว เช่น ไก่แจ้ ไก่อู ไก่ตะเภา ไก่เบตง ไก่ดำ ไก่นา

ช้าง

(หรือที่รู้จักกันในชื่อ ช้างอินเดีย) ส่วนสปีชีส์และสกุลอื่นของวงศ์ Elephantidae ล้วนสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว บางสปีชีส์หรือสกุลสูญพันธุ์ไปตั้งแต่ยุคน้ำแข็งครั้งหลังสุด ถึงแม้ว่าช้างแมมมอธในรูปแคระอาจสืบสายพันธุ์ต่อมาจนถึง 2,000 ปีก่อนคริสตกาล[1] ช้างและสัตว์ในวงศ์ Elephantidae อื่น ๆ เคยถูกจัดเป็นประเภทเดียวกับสัตว์หนังหนาอื่น ๆ ชื่อว่าอันดับ Pachydermata ซึ่งปัจจุบันเลิกใช้แล้ว

ช้างนับเป็นสัตว์บกที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน[2] ใช้เวลาการตั้งครรภ์ถึง 22 เดือน ซึ่งนับว่านานที่สุดในบรรดาสัตว์บกทุกชนิด ช้างแรกเกิดมีน้ำหนักเฉลี่ย 120 กิโลกรัม มีอายุขัยอยู่ระหว่าง 50 ถึง 70 ปี แต่ช้างอายุมากที่สุดที่เคยบันทึกไว้มีอายุถึง 82 ปี[3] ช้างขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยบันทึกไว้อาศัยอยู่ในแองโกลาในปี ค.ศ. 1956 ซึ่งมีน้ำหนักถึง 11,000 กิโลกรัม[4] ความสูงวัดถึงไหล่ 3.96 เมตร สูงกว่าช้างแอฟริกาเพศผู้ทั่วไปถึงหนึ่งเมตร[5] ส่วนช้างที่มีขนาดเล็กที่สุดนั้น มีขนาดประมาณเท่ากับลูกวัวหรือหมูตัวใหญ่ ๆ เป็นสปีชีส์ก่อนประวัติศาสตร์ซึ่งเคยอาศัยอยู่บนเกาะครีตระหว่างสมัยไพลสโตซีน[6] จากการสังเกตการณ์ ช้างเพศผู้ที่มีสุขภาพดีนั้นไม่มีนักล่าตามธรรมชาติ[7] ถึงแม้ว่าสิงโตจะล่าลูกช้างหรือช้างที่อ่อนแอบ้าง[8][9] อย่างไรก็ตาม ช้างถูกคุกคามโดยการบุกรุกที่อยู่อาศัยของมนุษย์และการล่า

ช้างเป็นสัญลักษณ์ของปัญญาในวัฒนธรรมเอเชียและมีกิตติศัพท์ว่ามีความจำและความฉลาดที่ดี โดยระดับสติปัญญาของมันนั้นคาดกันว่าจะเท่ากับของโลมา[10][11][12][13] หรือไพรเมต[14][15] เลยทีเดียว อริสโตเติล เคยกล่าวไว้ว่า ช้างเป็น "สัตว์ซึ่งเหนือกว่าสัตว์ทั้งปวงทั้งในด้านไหวพริบและจิตใจ

หอยทาก

« เมื่อ: ธันวาคม 22, 2009, 11:06:22 PM »

ไข่หอยทาก ชวนแหวะสำหรับหลายๆคน ซึ่งหอยทากบ้านเขากับหอยทากบ้านเราไม่เหมือนกัน แต่ที่นิยมนอกจากตัวมันแล้วยังมีไข่มันด้วย....


http://arbroath.blogspot.com/2009/12/snail-caviar-is-toast-of-french.html

Credit : Thaizad
บันทึกการเข้า

โซ่ก็ไม่แก้ กุญแจก็ไม่ไข มันจะแก้ยังไง
ミッギー
Shadow Admin
Legendary Pilot
*
กระทู้: 2450


Ajax Amsterdam


ดูรายละเอียด
« ตอบ #1 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 02:43:27 PM »

กินได้เราะนั่น
บันทึกการเข้า



ลายเซ็นสวยๆ ของเราชาว TSC อัพเดทแล้วที่นี่
http://www.thaisrw.com/board/index.php/topic,2243.0.html
โอตาคุเบื่อโลก
Rookie Pilot
*
กระทู้: 32


I'm a doll


ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: มกราคม 13, 2010, 11:07:55 PM »

ทุเรศอ่ะ เหอๆ มันกินเข้าไปได้ไงอ่ะ ดูมันสิ หนืดๆ
บันทึกการเข้า

Status : Boring

การแอ็บแบ๊วเท่านั้นที่ครองโลก
SNSD = Good
After School = Good
Kara = Better
T-ara = Bestest

WITTHAWAT
Pilot
**
กระทู้: 93


ฝันให้ไกล ไปให้ถึง

คิดเอาเอง ผมอยู่ที่ไหน
ดูรายละเอียด อีเมล์
« ตอบ #3 เมื่อ: กุมภาพันธ์ 04, 2010, 12:21:54 PM »

อ้าวนึกว่าเป็นอาหารจำพวก ขนมปัง ไส้กรอกซะอีกนะเนี้ย
บันทึกการเข้า
catcomp
Beginner Pilot

กระทู้: 7


ดูรายละเอียด
« ตอบ #4 เมื่อ: เมษายน 13, 2010, 04:46:36 PM »

อี๋......

ตัวเงินตัวทอง

"ตัวเงินตัวทอง" หรือ "ตัวเหี้ย" เป็นสัตว์เลื้อยคลานในกลุ่ม monitor lizard ด้วยรูปร่างที่แปลกประหลาด ดูน่าเกลียดน่ากลัวในสายตาของคนทั่วไป และพฤติกรรมส่วนตัวของมันที่เป็นนักฉกฉวยโอกาส ลักขโมยไม่ว่าจะเป็น ไข่ของสัตว์อื่นๆ หรือสัตว์เลี้ยงของมนุษย์ ทำให้คำว่าตัวเหี้ยกลายเป็นภาษาที่ไม่สุภาพในที่สุด ทั้งที่แท้จริงแล้ว "เหี้ย" คือชื่อที่ถูกต้อง

ตัวเหี้ย (Varanus salvator) หรือชื่อสากลว่า water monitor มีรูปร่างดูคล้ายกิ้งก่าขนาดใหญ่ ปลายลิ้นแยกเป็นสองแฉกคล้ายงู ใช้สำหรับรับกลิ่นต่างๆ รอบตัว ชอบอาศัยอยู่บริเวณใกล้แหล่งน้ำ พบได้ทั้งในบริเวณแหล่งน้ำจืดและน้ำเค็ม เช่น ป่าจากและป่าชายเลน ว่ายน้ำเก่งกว่าเพื่อนๆ ในสกุลเดียวกัน ดำน้ำได้นาน เวลาที่ตกใจหรือเจอศัตรู มักจะหนีลงน้ำไปอย่างรวดเร็ว ชอบหากินของเน่าเปื่อย เศษซากอาหาร บางครั้งก็จะกินสัตว์เป็นๆ เช่นไก่หรือเป็ดที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้

ในประเทศไทย เพื่อนๆ ของตัวเหี้ยยังมีอยู่อีก 3 ชนิด ตัวแรกคือ คือ ตะกวด (Varanus bengalensis nebulosus) หรือภาษาอีสานเรียกว่า "แลน" คนมักเข้าใจผิดว่าเป็นตัวเหี้ยเสมอ ตะกวดจะมีสีเรียบออกโทนสีน้ำตาลทั้งตัว ขณะที่ลำตัวของตัวเหี้ยเป็นสีดำมีลายดอกสีเหลืองเรียงอยู่อย่างมีระเบียบ รูปร่างส่วนใหญ่อาจจะดูคล้ายกัน แต่เมื่อสังเกตที่รูจมูกของตะกวด จะเห็นว่าอยู่ห่างจากปลายปากมาก ต่างจากตัวเหี้ยซึ่งรูจมูกอยู่ใกล้ปลายปากมาก

อีก 2 ชนิดที่เหลือคือ เห่าช้าง (Varanus rudicollis) และตุ๊ดตู่ (Varanus dumerilii) พบทางแถบตอนใต้ของประเทศไทยเท่านั้น เห่าช้างฟังชื่อดูคล้ายงูเห่า แต่จริงๆ แล้วเป็นกลุ่มเดียวกับตะกวดและตัวเหี้ย เกล็ดที่คอดูคล้ายๆ หนามของทุเรียน ตัวสีดำมัน มีจุดสีเหลืองบ้างประปราย ชื่อเห่าช้างได้มาจากเสียงที่ใช้ขู่ศัตรู ฟังดูคล้ายเสียงขู่ของงูเห่า ส่วนเพื่อนชนิดสุดท้ายของตัวเหี้ยคือ ตุ๊ดตู่ เป็นชนิดที่เล็กที่สุดในประเทศไทย เกล็ดที่คอแบนราบมีขนาดใหญ่ เมื่อออกมาจากไข่ 1-2 สัปดาห์แรกจะมีสีสันที่หัวเป็นสีส้ม สวยงามมาก จากนั้นสีส้มนี้จะค่อยๆ จางหายไป นิสัยรักสงบ ไม่ดุร้าย

ปัจจุบันสัตว์สกุลนี้ถูกคุกคามอย่างหนัก ทั้งจากการตัดไม้ทำลายป่าซึ่งเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของเห่าช้างและตุ๊ดตู่ หนำซ้ำยังมีการล่าจากพวกพ่อค้าสัตว์ป่าด้วย เพื่อเป็นอาหารและนำมาเป็นสัตว์เลี้ยง ยิ่งเมื่อพื้นที่ชุ่มน้ำหลายแห่งถูกแปรสภาพเป็นตึกรามบ้านช่อง ถนนหนทาง หรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ ที่รองรับการขยายถิ่นฐานของคนเรา ยิ่งทำให้ที่อยู่อาศัยของพวกมันลดน้อยลง

ข้อมูลเฉพาะตัว
ชื่ออังกฤษ : Water Monitor
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Varanus salvator
วงศ์ : VARANIDAE
ถิ่นกำเนิด : เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งอินเดียและศรีลังกา ในไทยพบได้ทุกภาค
การขยายพันธุ์ : ขุดหลุมหรือทำโพรงเป็นที่วางไข่ ไม่ฟักไข่ คือพ่อแม่ไม่ต้องกกไข่ ลูกฟักตัวออกมาเองจากไข่โดยธรรมชาติ ลูกออกมาจากไข่แล้วหากินเอง ไข่เปลือกนิ่มแต่เหนียว
อาหาร : ไม่เลือกอาหาร กินทั้งสัตว์บกและสัตว์น้ำ สัตว์ปีก เช่น ไก่ นก ปลา กบ เขียด หนู กินได้ทั้งของสดและของเน่า
ขนาด : ความยาวยาวประมาณ 40เซนติเมตร หางยาวประมาณ 70 เซนติเมตร ( ตัวใหญ่สุดเคยวัดได้ยาวถึง 2.5 เมตร)

หมีควาย




หมีควาย, หมีดำ

หมีควายเป็นหมีขนาดกลาง และเป็นหมีที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ตัวยาวประมาณ 130-190 เซนติเมตร ตัวผู้หนัก 100-200 กิโลกรัม ตัวเมียหนัก 50-125 กิโลกรัม มีขนหยาบสีดำหรือน้ำตาลทั่วทั้งตัวยกเว้นบริเวณอกซึ่งขนสีเหลืองอ่อนเป็นรูปตัววี (V) ขนบริเวณหัวไหล่และคอจะยาวเป็นพิเศษ หูค่อนข้างใหญ่ ฝ่าตีนใหญ่เดินเต็มตีน รอยตีนของหมีจึงดูคล้ายรอยตีนคน มีเล็บยาวและแหลมคม

หมีควายชอบอาศัยในป่าเขา แต่ก็พบในที่ราบได้บ้าง อยู่ในเขตกระจายพันธุ์อยู่ในเอเชียตะวันออก ตั้งแต่ อัฟกานิสถาน อิหร่าน บังกลาเทศ ภูฏาน จีน รัสเซีย อินเดีย เนปาล ปากีสถาน พม่า ไทย กัมพูชา ลาว เวียดนาม มาเลเซีย มองโกเลีย เกาะฮอนชูและชิโกกุของญี่ปุ่น ไต้หวัน เกาหลี พบได้สูงถึง 3,000 เมตร

หมีควายหากินโดยลำพังยกเว้นครอบครัวแม่ลูก พื้นที่หากินราว 10-20 ตารางกิโลเมตร หากินเวลากลางคืน แต่ก็อาจพบตอนกลางวันได้บ้าง กินทั้งพืชและสัตว์ ส่วนใหญ่เป็นพืชมากกว่า แต่ถ้าเทียบสัดส่วนของประเภทอาหารแล้วหมีควายยังกินเนื้อสัตว์มากกว่าหมีในทวีปอเมริกา อาหารของหมีควายเช่น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมขนาดเล็ก แมลง นก ปลา หอย และซากสัตว์ ส่วนอาหารประเภทพืชได้แก่หญ้า ผลไม้ เมล็ดพืช นอกจากนี้ก็กินน้ำผึ้งด้วย ปีนต้นไม้เก่งมาก แม้จะมีรูปร่างอ้วนอุ้ยอ้ายแต่ก็วิ่งได้เร็วมาก

แม้หมีควายจะไม่ดุร้ายอย่างรูปร่างภายนอก หมีควายมักเลี่ยงคนมากกว่าที่จะเข้าโจมตี แต่ถ้าเทียบกับหมีดำอเมริกาแล้ว หมีควายค่อนข้างดุร้ายมากกว่า มีประวัติทำร้ายคนมากกว่า

หมีควายบางตัวย้ายแหล่งหากินตามฤดูกาล ในฤดูร้อนจะย้ายขึ้นไปอาศัยบนที่สูง ส่วนในฤดูหนาวจะลงมาพื้นที่ต่ำกว่า หมีควายที่อาศัยในถิ่นหนาวจะมีพฤติกรรมที่คล้ายกับการจำศีลด้วย เช่นในญี่ปุ่น หมีควายจะหลับยาวเป็นเวลาราว 5 เดือน แต่ในเขตร้อนหมีควายไม่จำเป็นต้องทำอย่างนั้น

ฤดูผสมพันธุ์ของหมีควายอยู่ราวเดือนมิถุนายนถึงกรกฎาคม และออกลูกราวเดือนมกราคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ แต่บางสถานที่ฤดูอาจแตกต่างออกไป เช่นในปากีสถาน ฤดูผสมพันธุ์จะเริ่มในฤดูใบไม้ร่วง ออกลูกคราวละ 1-4 ตัว ลูกหมีจะอยู่กับแม่เป็นเวลา 2-3 ปี เมื่ออายุได้ 3-4 ปีก็ผสมพันธุ์ได้แล้ว หมีควายมีอายุขัยราว 25 ปี ในสวนสัตว์ที่มีการดูแลดีอาจอยู่ได้ถึงกว่า 30 ปี

หมีควายถูกคุกคามจากมนุษย์หลายรูปแบบ ชาวบ้านชายป่าจะฆ่ามันเพราะเป็นอันตรายต่อสัตว์เลี้ยง คนทำไม้จะฆ่ามันเพราะหมีชอบกัดแทะไม้ทำให้ราคาตก และที่ร้ายแรงก็คือ ดีหมีเป็นที่ต้องการในตลาดยาจีน จึงมีพรานหลายคนยอมเสี่ยงตายเพื่อล่าหมีเอาถุงน้ำดีไปขาย

ไอยูซีเอ็นประเมินว่า หมีควายพันธุ์บาลอค (U.t.gedrosianus) อยู่ในสภาวะใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง ส่วนพันธุ์อื่นอยู่ในสภาวะเสี่ยงสูญพันธุ์ ไซเตสจัดหมีควายไว้ในบัญชีหมายเลข 1

ทราบหรือไม่?
- หมีควายและหมีดำอเมริกันมีสายเลือดใกล้ชิดกัน คาดว่าทั้งสองชนิดมีบรรพบุรุษร่วมที่อาศัยอยู่ในยุโรป
- ฝรั่งมองรูปตัววีที่หน้าอกหมีควายเป็นรูปจันทร์เสี้ยว จึงมีชื่อภาษาอังกฤษว่า moon bear
- หมีควายอาศัยร่วมพื้นที่กับหมีแพนด้าในป่าอนุรักษ์ว่อหลงในประเทศจีน

หมี

อยากรู้ ข้อดี ข้อเสีย ระหว่าง หมีขาว กับ HDGUARD ตัวไหนใช้ได้ดีกว่ากันครับ แต่ละร้าน ส่วนมากใช้ตัวไหนกันอยู่ครับ แนะนำด้วยครับ เพราะตอนนี้ผมใช้ หมีขาวอยู่ แต่รู้สึกว่าเริ่มจะรวน เวลาคลิกหมีขาวขึ้นมาปลดล๊อก ช่องใส่รหัส พาสเวิดจะขาวไปหมด จะ Uninstall ออกใหม่ แล้วลงใหม่ ก็ไม่ยอมออก ใครมี HDGUARD ผมขอด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ
hitzrer
08-29-2009, 10:36 AM
ผมชอบ หมีขาว ครับ
hyper-emotive
08-29-2009, 10:41 AM
ข้อเสียของหมีขาวคือ มันอยู่ ขั้วโลกครับ :eek:
eric
08-29-2009, 10:56 AM
ข้อเสีย ของ Hd guard คือ ตอน คอนฟิก ยากครับ ถ้าทำผิด มันจะ Protect แต่ C ถ้าไดร์ฟอื่นติดไวรัส มัน โดนด้วย (ต้องไปกำหนดแต่ ละ drieve เพื่อ Protect ค่า ดีฟ้อล มัน คือ Protect C
ข้อเสีย ของ หมีขาว คือ อาจจะมีปัญหา กะ เกมส์การ์ดสำหรับค่ายเกมส์ออนไลน์ครับ

ข้อดีไม่ต้องบอก เพราะรู้กันหมดแล้ว ถามกูกิ้ลเอา
aea8rew
08-29-2009, 11:02 AM
Deep freeze มีปัญหา AMD กับเกม Cabal
GG SF กับ ปังยา ไม่ใช่ปัญหาครับ โหลดเกมตอนล็อค ออกมา ก็อบ GG ลงแฟทไดร์ ปลดหมี แล้วเอา GG ในแฟลทไดร์ ว่างแทน (อย่าเข้าเกม ล็อคหมีถึงเข้าเกม)
eric
08-29-2009, 11:04 AM
Deep freeze มีปัญหา AMD กับเกม Cabal
GG SF กับ ปังยา ไม่ใช่ปัญหาครับ โหลดเกมตอนล็อค ออกมา ก็อบ GG ลงแฟทไดร์ ปลดหมี แล้วเอา GG ในแฟลทไดร์ ว่างแทน (อย่าเข้าเกม ล็อคหมีถึงเข้าเกม)

ส่วน Hdd guard ไม่ต้องทำอะไรเลยครับ ไม่ต้องยุ่งกะ แฟลชไดร์ฟ ไม่มีปัญหา กะ amd กับเกม คาบาล
ไม่มีปัญหาใดๆ เลย
Man_Utd007
08-29-2009, 11:10 AM
ผมใช้ hdgrad คับ ไม่มีปัญหาอะไร เล่นได้ทุกเกมส์ คอนฟิกก็ไมอยากอะไร
kchantan
08-29-2009, 11:19 AM
HD guard ครับ ง่ายสุดๆๆ สามปุ่ม Active / Deactive / Apply จบ
ตอนคอนฟิก ก็ next next ไปเรื่อยๆๆ :D
เอกพจน์
08-29-2009, 11:29 AM
มันก้อมีข้อดีข้อเสียเหมือนกันครับ
แต่ผมว่าถ้าจะลองเปลี่ยนมาเป็น hd G.. ก้อได้ครับ แต่ถ้าเรื่องจะปิดการทำงานของหมีขาวไม่ได้นั้นลองเอา ตัวติดตั้งหมีขาว version เดิมที่ลงอยู่นั้นมาติดตั้งอีกทีดูครับ เพราะตอนติดตั้งมันจะมีคำสั่ง ให้เราถอนโปรแกรมครับ

ส่วนโปรแกรม hd G... นั้นก้อต้องระวังเรื่องการ config option ต่างๆนะครับ
เพราะค่อนข้างที่จะละเอียดพอสมควรอยู่นะ

แพนด้า



ออกแบบโดย : เออิจิโระ โอดะ

ความคิดเห็นเพิ่มเติม : หน้าเหมือนแพนด้า แต่ทำไมถึงดูดีได้น้า...

ชื่อ : แพนด้าแมน
บ้านเกิด : ทิเบต
อายุ : เจ้าตัวเองก็ไม่รู้
ส่วนสูง : 200 เซนติเมตร
น้ำหนัก : 122 กิโลกรัม
พลังความแข็งแกร่ง : กินไม้ไผ่ปุ๊ปมีพลัง330 ก่อนกินไม้ไผ่พลังก็330
ท่าไม้ตาย : แพนด้าดร๊อปคิกไจแอนด์ , แพนด้า ล๊อค
ค่าหัว : 3,333,333 เบรี

เสือดำ

สำหรับนักอ่านชาวไทย เชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จัก ป. อินทรปาลิต ซึ่งเป็นนามปากกาของ ปรีชา อินทรปาลิต ป. อินทรปาลิต เริ่มการศึกษาที่โรงเรียนโสมนัสและเรียนต่อที่โรงเรียนนายร้อยฝ่ายประถมฯรุ่นเดียวกับ จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ และเมื่อเรียนถึงชั้นปีที่สองฝ่ายชั้นมัธยมฯ เกิดความรู้สึกว่าไม่ชอบอาชีพทหาร จึงขอลาออกจากโรงเรียนนายร้อย แต่ระบุในอัตชีวประวัติของ ป.อินทรปาลิต ที่เขียนด้วยตนเอง เปิดเผยว่า เรียนโรงเรียนนายร้อย รุ่นเดียวกับ จอมพลถนอม กิตติขจร และ มี จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ เป็นรุ่นพี่ และตนเองเรียนตกซ้ำชั้น 2 ปี เพราะต้องการรอเรียนกับเพื่อน เลยต้องรีไทร์จากโรงเรียนนายร้อย จึงหันมาจับปากกาเป็นนักเขียน


ซึ่งผลงานเขียนที่โด่งดัง ป.อินทรปาลิต มีมากมายหลายเรื่อง แต่ที่ได้รับการกล่าวขวัญถึงมาจวบจนทุกวันนี้คือ ผลงานเรื่อง นักเรียนนายร้อย,เสือดำ- เสือใบและงานเขียนชุดสามเกลอ พล นิกร กิมหงวน ที่ถือว่าเป็นสุดยอดงานเขียนที่หานักเขียนไทยคนใดเทียบเท่าได้



แต่สำหรับผลงานเขียนที่อยากจะรำลึกถึงคือ ผลงานนวนิยายเรื่องเสือใบและเสือดำ เป็นนวนิยายที่เขียนขึ้นจากเค้าโครงชีวิตจริงของสองเสือผู้ยิ่งใหญ่ในอดีตที่มีอยู่ สี่เสือแดนสยามคือ เสือใบ, เสือดำ, เสือฝ้าย และ เสือมเหศวร



สำหรับเรื่องราวของเสือดำนั้นนอกจากจะมีนวนิยายของ ป.อินทรปาลิตแล้ว เมื่อไม่นานมานี้ พล.ต.ต.พีระพงศ์ ดามาพงศ์ ซึ่งถือว่าเป็นแฟนพันธุ์แท้ของ ป.อินทรปาลิต ยังได้รวบรวมปกหนังสือและภาพวาดประกอบอันสวยงามวิจิตร ซึ่งเป็นผลงานของ อาภรณ์ อินทรปาลิต มาเขียนเล่าเรื่องในหนังสือชุด "เสือดำ" ซึ่งเป็นการรวบรวมภาพของนวนิยายบู๊ โลดโผนเรื่อง "เสือดำ" เป็นบทประพันธ์ของ ป.อินทรปาลิต ที่วาดโดย จิตรกรคู่ใจ ซึ่งเป็นน้องแท้ๆของ ป.อินทรปาลิต เป็นจำนวนถึง 82 ปก มาใช้อย่างสมบูรณ์ในเล่มเสือดำ ซึ่งนับเป็นการยากที่จะมีใครเคยรวบรวมครบถ้วนบริบูรณ์ทั้งชุดเช่นนี้




หนังสือเล่มนี้ของ พล.ต.ต.พีระพงศ์ ที่นำภาพปกทั้ง 82 ปก ของนวนิยายเสือดำมาโชว์แล้วยังเขียนถ่ายทอดบรรยากาศยุคสมัยเมื่อห้าสิบกว่าปีก่อน ในภาพทุกภาพเสือดำเป็นนวนิยายที่โด่งดังจากปลายปากกาของ ป.อินทรปาลิต เมื่อครั้งสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลงใหม่ๆ นับว่าเป็นโอกาสดี ซึ่งท่านจะได้เป็นเจ้าของผลงานชิ้นนี้




สำหรับชีวิตจริงของเสือดำ ผู้เป็นจอมโจรชื่อดังในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ร่วมสมัยกับ เสือใบ, เสือฝ้าย และ เสือมเหศวร มีชื่อจริงว่า ระพิน ได้ชื่อว่าเสือดำ จากการสวมชุดดำเวลาออกปล้น และใช้ปืนคู่ แต่เมื่อเวลาออกปล้นจะต้องประกาศให้เจ้าทรัพย์รู้ก่อนล่วงหน้าเป็นสัปดาห์และปล้นด้วยความสุภาพ นิยมปล้นแต่คนรวยให้คนยากจน จนได้รับฉายาว่า สุภาพบุรุษเสือดำ เช่นเดียวกับ เสือใบ




เสือดำ ถูกปราบได้ด้วย ขุนพันธรักษ์ราชเดช นายตำรวจมือปราบชื่อดัง โดยขุนพันธ์ฯ ให้โอกาสเสือดำกลับตัว เสือดำจึงไปบวชกับ พลตำรวจเอกประเสริฐ รุจิรวงศ์ อธิบดีกรมตำรวจในยุคนั้น และบวชมาจนบัดนี้


ปัจจุบัน เสือดำ คือ หลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินธโร เจ้าอาวาสวัดศรีนวลธรรมวิมล เขตหนองแขม กรุงเทพมหานคร อายุกว่า 80 แล้ว แต่สุขภาพก็ยังแข็งแรงอยู่ และมักได้รับเชิญเป็นประธานในพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลร่วมกับ เสือใบ และ เสือมเหศวร เสมอๆ



เรื่องราวของเสือดำ ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งหนึ่งในปี พ.ศ. 2543 ในเรื่อง "ฟ้าทะลายโจร" โดยผู้รับบทเสือดำ คือ ชาติชาย งามสรรพ์


ท่านได้เมตตาเปิดเผยกับทีมข่าว "คนในเมืองน้ำหมึก" ว่า "ความจริงแล้วท่านไม่เคยคิดจะเป็นโจรเลยแม้แต่น้อย ไม่เคยคิดจะเข้ามาในวงการโจร แต่มีความจำเป็น ไม่มีทางเลือก โดยประมาณปี 2490 มีโจรก่อเหตุเป็นจำนวนมาก ขณะนั้นอายุ 20 กว่าปี เป็นวัยรุ่นไฟแรงคึกคะนอง แต่ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร กระทั่งที่บ้านมาถูกโจรปล้นควายไปจนหมดคอก ไม่เหลืออะไรแม้แต่เงินจะซื้อข้าวกิน จึงปรึกษาเพื่อนๆไปแก้แค้นเพราะทราบว่าโจร คือ กลุ่มวัยรุ่นหมู่บ้านข้างเคียง โดยยิงวัยรุ่นกลุ่มนั้นตายไป 4 ศพ จึงถูกตำรวจติดตามตัว ต้องหนีออกจากบ้าน แล้วเริ่มออกปล้นชาวบ้านใน จ.สุพรรณบุรี ตั้งแต่นั้นมา"..... และแน่นอนว่า เรื่องราวในนวนิยายเรื่องเสือดำก็ไม่ตรงกับชีวิตจริงของท่านทั้งหมด เพราะเป็นเพียงการหยิบเอาเค้าโครงมาผูกเรื่องใหม่เท่านั้นเอง




"เสือดำ" ซึ่งปัจจุบันหันหน้าสู่ "ร่มผ้าเหลือง" บวชเป็นพระได้ฉายาว่า "หลวงพ่อทวีศักดิ์ ชุตินฺธโร" ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดศรีนวล ย่านหนองแขม ยังย้อนให้ฟังถึงจุดเริ่มต้นของการก้าวเข้าสู่ "เส้นทางแห่งชุมโจร" ต่อไปอีกว่าหลังจากออกปล้นเรื่อยมาจนมาพบกับ "เสือมเหศวร" และ "เสือใบ" ซึ่ง "หัวอกเดียวกัน" เพราะทั้งสองถูกโจรปล้นบ้านและต้องการแก้แค้น จึงปรึกษากันว่าจะทำอย่างไร ขณะนั้น "สมุน" ยังไม่มี จึงแยกทางกันไป "สร้างชื่อ"เพื่อหาลูกน้อง จนมีลูกน้องติดตาม 50-60 คน จึงตั้งเป็น "ซุ้มเสือดำ"!!!

เมื่อบ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมือง "ชุมโจร" ก็มีกฎของชุมโจร....."หลวงพ่อทวีศักดิ์" เล่าว่า ในการปล้นของเสือดำมี "กฎเหล็ก" ว่าจะปล้นแบบ "ผู้ดี" คือ จะออกปล้นช่วงต้นเดือนและปลายเดือนเท่านั้นและ ก่อนเข้าปล้นจะเขียนป้ายไปติดไว้หน้าหมู่บ้านที่จะปล้น เป็นการประกาศล่วงหน้าว่าจะปล้นที่ไหน วันและเวลาใด เพื่อให้เจ้าทรัพย์เตรียมตัวไว้ก่อน เมื่อถึงเวลาก็มาปล้น สมัยนั้นใช้ม้าเป็นพาหนะ มีปืนคู่กายคนละ 2 กระบอกและกระสอบใส่ทรัพย์สินคนละใบ ก่อนลงมือจะยิงปืนขึ้นฟ้า 3 นัดเป็น "สัญญาณเตือน" ให้คนในหมู่บ้านรู้ว่ามาปล้นแล้ว จากนั้นจะนำกระสอบไปวางไว้ตามจุดต่างๆเพื่อให้ชาวบ้านนำทรัพย์สินมาใส่ เป็นการป้องกันเหตุ "นองเลือด" เวลาทำงาน หรือ "ฤกษ์ปล้น" คือ ตั้งแต่แสงอาทิตย์ลับขอบฟ้า จนถึงแสงอาทิตย์ขึ้นเหนือฟ้าอีกครั้งก็เก็บกระสอบกลับออกไป




"กฎเหล็กสำคัญที่สุดของซุ้มเสือดำ คือ ห้ามข่มขู่หรือทำร้ายเจ้าทรัพย์ นอกจากเจ้าทรัพย์จะฮึดสู้ทำร้ายเราก่อน นอกจากนั้นสมุนทุกคนต้องอยู่ในศีลธรรม ห้ามยุ่งเกี่ยวกับสาวในหมู่บ้าน ห้ามปล้นโรงสีข้าวเด็ดขาด เพราะจะทำให้เราไม่มีข้าวกิน ห้ามปล้นตลาดสด เพราะเป็นจุดรวมของเด็ก คนแก่และคนทั่วไป ถ้าพบลูกน้องคนใดทำผิดกฎจะฆ่าทิ้งทันที เพราะถือว่าผิดสัจจะของกลุ่มโจร ส่วนทรัพย์สินที่ปล้นมาจะแบ่งเป็น 5 ส่วน คือ 1. ค่าอาหาร 2. ค่ากระสุนปืน 3. แบ่งไว้ช่วยเหลือคนจน 4. ช่วยเหลือโรงเรียน และ 5. ช่วยเหลือวัด....."




".....พื้นที่ปล้นของเสือดำจะอยู่ใน 3 จังหวัด คือ อุทัยธานี, สุพรรณบุรี และ ชัยนาท โดยจะแบ่งเขตกันระหว่าง เสือใบ และ เสือมเหศวร ช่วงว่างจากการปล้นจะพาลูกน้องเข้าป่าตัดต้นไม้ไปสร้างบ้านให้คนจนฟรี เพื่อตอบแทนคุณ พร้อมทั้งมอบวัวที่เราปล้นมาให้อีกครอบครัวละ 1 คู่" อดีต "เสือดำ" เล่าถึงเส้นทางสายโจรที่รุ่งโรจน์ของเขา ซึ่งพฤติกรรมดูคล้าย "โรบินฮูด"




"เส้นทางสายโจร" ของ "เสือดำ" และเหล่าสมุน รุ่งโรจน์ และโรยด้วยกลีบกุหลาบมาตลอด จนกระทั่งการมาถึงของ "ขุนพันธ์ฯ" เส้นทางสายโจรของพวกเขาก็เริ่มตีบตัน.....อดีต "เสือดำ" เล่าถึงชีวิตในช่วงต่อมา ว่า ช่วงปี 2495-2499 ทางการเริ่มปราบปรามกลุ่มโจรอย่างหนักทำให้ 3 เสือ คือ "เสือดำ-เสือใบ-เสือมเหศวร" เป็นที่ต้องการตัวของทางการมาก มี "ค่าหัว" คนละหลายหมื่นบาท การปล้นเริ่มมีอุปสรรค บางครั้งถึงขั้นต้อง "ดวลปืน" กับตำรวจ แต่ก็อยู่รอดปลอดภัยมาตลอดเพราะมีวิชา "อาคม" ที่เรียนรู้มาจากครูบาอาจารย์ จนมาวันหนึ่งเรามีโอกาสได้ดวลปืนกับ "ขุนพันธ์ฯ" ที่ยกกำลังมาดักจับที่ จ.ชัยนาท และวันนั้นก็ทำให้เรา "กลับใจ"



"ครั้งนั้นต่างคนต่างมีวิชาอาคมทั้งคู่ ทำอะไรกันไม่ได้ และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาขุนพันธ์ฯ ก็นำกำลังออกไล่ล่าดวลปืนกันอีกหลายครั้ง จนสุดท้ายขุนพันธ์ฯ ได้นัดคุยกันอย่างลูกผู้ชายกับเราว่าต่างคนต่างมีอาคม คงทำอะไรกันไม่ได้ จึงขอให้เราเลิกเป็นโจร หยุดปล้น ถ้าหยุดตำรวจจะยกเลิกการจับกุมทุกหมายจับ แต่ต้องกลับตัวเป็นคนดีและเริ่มต้นชีวิตใหม่ เรากลับมานอนคิดอยู่ 3 วัน เราปล้นมา 20 ปี ไม่มีอะไรดีขึ้น จึงตัดสินใจหยุดเป็นโจร แบ่งเงินให้ลูกน้อง แล้วแยกย้ายกันไปทำมาหากินอย่างถูกกฎหมาย เราได้ออกบวชศึกษาธรรมะ เพื่อหวังว่าบุญจากการบวชจะทดแทนสิ่งที่ได้ทำผิดไปได้บ้าง" หลวงพ่อทวีศักดิ์ อดีต "เสือดำ" กล่าวทิ้งท้าย




"ปัจจุบันหลวงพ่อเสือดำ เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ได้รับการเคารพนับถือด้านคาถาอาคมที่มีวิชาแก่กล้า และเปี่ยมด้วยความมีเมตตา ท่านอายุ 99 ปีแล้วและมีสุขภาพที่แข็งแรงดี ยังคงมุ่งมั่นทำงานเพื่อสังคมและพุทธศาสนา ท่านสร้างทั้งโรงเรียน, โรงพยาบาล เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ยากไร้มากมายนับเป็นการปิดฉากตำนาน "เสือดำ" เสือร้ายแห่งแดนสยามให้เหลือเพียงแค่ในความทรงจำเท่านั้น




แต่ถ้าใครอยากโลดแล่นไปในโลกแห่งจินตนาการของชีวิตจอมโจรเสือดำ คงจะหาอ่านได้ในผลงานของ "ป.อินทรปาลิต'' และผลงานของ พล.ต.ต.พีระพงศ์ ดามาพงศ์

เสือดาว

“ตุ๊กแกเสือดาว” เป็นสัตว์ในกลุ่ม Gekkonidae หรือ Gecko family พบเห็นได้ทั่วไปในพื้นที่แห้งแล้งของ อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และ อินเดีย

รูปร่างลักษณะทั่วไปจะมีขนาดคล้ายกับตุ๊กแกไทย เปลือกตาปิดเปิดได้ ต่างกันที่ผิวหนังมีสีสันลายจุดที่แตกต่างกันออกไป เท้าทั้งสี่จะมีเล็บเหมือนกิ้งก่าเพื่อเอาไว้เกาะเกี่ยว เดินตามพื้นหิน ที่ขรุขระ

ทั้งนี้ ตามธรรมชาติ มันเป็นสัตว์ที่ชอบเริงร่าออกหากินพวกแมลงตัวเล็กจิ้งหรีด หนอนนกเป็นอาหารในยามค่ำคืน ส่วนกลางวันมักแอบหลบนอนในโพรงไม้ ซอกหิน และใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดินซะเป็นส่วนมาก ปีนป่ายบ้างในบางครั้ง..


และในบรรดาสัตว์แปลกนั้นก็มี “ตุ๊กแกเสือดาว” ขายกันอย่างโจ๋งครึ่มในตลาดนัดซันเดย์ เพื่อให้บรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ นำไปเลี้ยงเป็นเพื่อนแก้เหงา

เสือดาว

“ตุ๊กแกเสือดาว” เป็นสัตว์ในกลุ่ม Gekkonidae หรือ Gecko family พบเห็นได้ทั่วไปในพื้นที่แห้งแล้งของ อัฟกานิสถาน ปากีสถาน และ อินเดีย

รูปร่างลักษณะทั่วไปจะมีขนาดคล้ายกับตุ๊กแกไทย เปลือกตาปิดเปิดได้ ต่างกันที่ผิวหนังมีสีสันลายจุดที่แตกต่างกันออกไป เท้าทั้งสี่จะมีเล็บเหมือนกิ้งก่าเพื่อเอาไว้เกาะเกี่ยว เดินตามพื้นหิน ที่ขรุขระ

ทั้งนี้ ตามธรรมชาติ มันเป็นสัตว์ที่ชอบเริงร่าออกหากินพวกแมลงตัวเล็กจิ้งหรีด หนอนนกเป็นอาหารในยามค่ำคืน ส่วนกลางวันมักแอบหลบนอนในโพรงไม้ ซอกหิน และใช้ชีวิตอยู่บนพื้นดินซะเป็นส่วนมาก ปีนป่ายบ้างในบางครั้ง..


และในบรรดาสัตว์แปลกนั้นก็มี “ตุ๊กแกเสือดาว” ขายกันอย่างโจ๋งครึ่มในตลาดนัดซันเดย์ เพื่อให้บรรดากลุ่มคนรุ่นใหม่เหล่านี้ นำไปเลี้ยงเป็นเพื่อนแก้เหงา

เสื้อขาว


« เมื่อ: ธันวาคม 23, 2010, 10:47:31 am »

กระรอก



กระรอก(Squirrel)
กระรอกเป็นสัตว์ป่าตัวเล็ก ๆ ขนยาวปานกลาง หางมีลักษณะเป็นพวงมีหลากหลายรูปแบบแล้วแต่สายพันธุ์ หน้าตาบ๊องแบ๊ว แบบน่ารักนะครับผมว่า อันนี้แล้วแต่คนชอบนะครับ นานาจิตตังไม่ว่ากัน สามารถเลี้ยงให้เชื่องได้ในระดับหนึ่งครับ แต่คุณคงไม่คาดหวังการทำให้เค้าเชื่องเหมือนสุนัก เพราะเป็นไปไม่ได้

ทำไมถึงชอบเลี้ยงกระรอก
หน้าตาน่ารักดี เป็นสัตว์ขนาดเล็ก ใช้พื้นที่ในการเลี้ยงน้อย ราคาซื้อไม่แพง ปัจจุบันในท้องตลาด อยู่ที่ 400-900 บาท ขึ้นอยู่กับสายพันธุ์และขนาดครับ กรงก็ราคาประมาณ 100 บาท อาหารก็หาได้ง่ายทั่วไป เพราะเค้ากินเกือบทุกอย่างครับทั้งผักและผลไม้

ใครเหมาะที่จะเป็นผู้เลี้ยง
คนเลี้ยงต้องมีใจรักจริง ๆ ครับ เพราะมันเป็นสัตว์เลี้ยงที่ต้องประคมประหงมพอสมควรในช่วงอ่อน ๆ ต้องมีเวลาให้เป็นพิเศษถึงจะเชื่องได้ เป็นคนใจเย็น และยอมรับความเจ็บปวดได้ เพราะคุณต้องมีโอกาสโดนกัดโดนข่วนบ้าง

ใครที่ไม่ควรเลี้ยงสัตว์ประเภทนี้
เด็กเล็ก ๆ ไม่เหมาะสำหรับการเลี้ยงกระรอกครับ เพราะเป็นสัตว์ขนาดเล็กที่บอบบาง การกระทำ/การเล่นที่รุนแรงของเด็กอาจทำให้กระรอกกัดได้ หรืออาจทำให้กระรอกตายได้ โดยเฉพาะกระรอกตอนเล็ก ๆ

และคนที่คิดจะเลี้ยงไว้กอดรัดฟัดเหวี่ยง เพราะเค้าเป็นสัตว์ที่ซุกซนปราดเปรียว ไม่เหมือนหมาแมวครับ

กระรอกวัยไหนที่ควรเลี้ยง
ควรหาซื้อกระรอกในวัยไม่เกิน 1 เดือนครับ 3 สัปดาห์น่าจะดีที่สุด แต่อย่าไปซื้อที่ยังไม่ลืมตานะครับ เพราะโอกาสรอดมีน้อย

การเลี้ยงแต่วัยน้อย ๆ โอกาสเชื่องมีสูงและจะไม่กัดคุณแน่นอน(อาจจะมีงับคุณบ้างเมื่อไม่สบอารมณ์)

กระรอกเมื่อคุณซื้อตัวโตมาก ๆ แม้จะดูเชื่อง จับเล่นได้เมื่ออยู่ที่ร้าน แต่เมื่อคุณนำมาเลี้ยงจริงโอกาสเจ็บตัวสูงครับ ยังงัยก็ต้องโดน คุณต้องยอมรับได้ และขอบอกว่าเจ็บสุด ๆ ครับ คุณลองดูฟันเค้าสิครับ หากขยับบนมือคุณสุดลิ่มจะเป็นอย่างไร

โรคส่วนใหญ่ของเจ้าตัวน้อย
โรคหวัด ซึ่งส่วนใหญ่เกิดเมื่่อตัวน้อย ๆ จากการโดยลม หรือ เครื่่องปรับอากาศ

โรคท้องเสีย อันนี้ส่วนใหญ่จะเกิดตอนเล็ก ๆ เช่นกัน โดยจะเกิดจากการให้นมที่เหลวเกินไป ต้องปรับวิธีการชงนมใหม่ให้ข้นมากขึ้น

โรคผิวหนัง อันนี้มาตอนโตครับ โดยแยกเป็นส่วนที่เกิดจากเชื้อรา และเกิดจากอาการคัน ซึ่งผมแนะนำให้พบแพทย์เป็นการด่วน (สำหรับผม ๆ ว่าเกิดจากอาการคันจะน่ากลัวกว่าเพราะเค้าจะแทะหางตัวเองจนร่วงหมดและมีเลือดด้วยครับ โอกาสหายนะมี แต่หางที่เสียเลือดไปมากจะขาดครับ......อันนี้เป็นประสบการณ์ตรงของผมเองเลยกับเจ้า "ดิงด้า" ตัวสีแดงที่เป็นเบคกราวน์ นี่ละครับ เพราะเจ้านี้แทะหางตัวเองจนถึงเลือดไหล แต่ผมดันอวดรู้ซื้อยาคนมาทำให้เค้าซะผันแผลซะเรียบร้อย แต่เอาไม่อยู่ครับเพราะเค้ายังแทะต่อ จนต้องพาไปพบคุณหมดที่คลีนิคตรงแถวประชาชื่น ขอบอกว่าที่นี่คุณหมอเก่งครับสำหรับกระรอกคือจากที่คุยแล้วรู้เลยว่าคุณหมอรู้จริง เคยผ่านเคชของกระรอกมาพอสมควร ผมว่าดีกว่า รพ.สัตว์เกษตร อีกนะครับ เพราะที่นั่นเหมือนที่ศึกษายังงัยไม่รู้ของผมไปตายที่นั่น 2 ตัว แต่อาจสุดวิสัยก็ได้แต่ผมว่าเหมือนหมอไม่เคยรักษากระรอกอะ เอาของเราเป็นกรณีศึกษา นักศึกษามาดูกันเต็มเลย สู้คลีนิคไม่ได้เลย ดูจากเทคนิคการจับกระรอกแล้วรู้เลยว่าหมอและผู้ช่วยเก่งจริง เอาเหอะว่ากันของเราดีกว่า กลับมาไม่กี่วันก็หายครับ แต่เสียหางไปกว่าครึ่ง เสียหายครับ แต่ก็เป็นครู.. )

ระวัง!
เจ้าตัวเล็กมีจุดอ่อนที่บริเวณคอ หากได้รับการกระแทก กระทบกระเทือนส่งผลให้ถึงตายได้เลย การจับโดยการบีบช่วงต้นคอหากไม่ถูกต้องเค้าจะขาดอากาศและตายใน 2-3 นาทีแค่นั้นเอง ไม่น่าเชื่อใช่มั้ยว่าเจ้าตัวเล็กที่ตกจากต้นไม้ระดับตึก 3-4 ชั้นได้สบาย จะตายได้ง่าย ๆ แบบนี้

อาหารสำหรับตัวเล็ก
เมื่อพ้นวัยทารก ประมาณเดือนครึ่ง มีฟันพอสมควรเริ่มให้แทะกล้วยก่อนเลยครับ ควบคู่ไปกับซีรีเล็กซ์ เมื่อเค้าทานผลไม้ได้เยอะขึ้นค่อยให้ผลไม้เป็นการถาวร โดยควรให้ผลไม้ที่หลากหลายครับ เพราะจะทานได้เยอะและมีคุณค่าทางอาหารที่ครบถ้วนกว่าทานอย่างใดอย่างหนึ่งโดยเฉพาะ แต่ไม่ยุ่งยากครับเพราะเค้าทานได้ทุกอย่างครับผักยังท่านได้เลย ถั่ว คะน้า แตงกวา ฯลฯ

เจ้ากระรอกน้อยเล็บย้าว...ยาว
กระรอกเล็บยาว ข่วนเจ็บ ทำให้เราเกิดเป็นแผลได้ ควรตัดเล็บเป็นอย่างยิ่งครับ เราสร้างความคุ้นเคยการตัดได้ โดยตัดแต่ตอนเล็ก ๆ เลย ก็พอตอนทานผลไม้ได้ก็เริ่มตัดเล็บได้แล้วครับ ตัดส่วนปลายที่เป็นขอบขาวนะครับระวังการตัดโดนเนื้อถึงเลือดครับสงสารเค้า ผมตัดประมาณ 3 วัน ครั้ง ลืมบอกไปแรก ๆ ยากครับ ต้องใจเย็น ค่อยเป็นค่อยไป โดยเริ่มที่วางไว้บนหัวเขาเราและทำแบบเดิมทุกครั้งไป

ประโยชน์อีกอย่างหากปล่อยวิ่งเล่นภายในบ้านบริเวณที่มีมุ้งลวดเค้าจะปีนป่ายได้ แต่หากไม่ตัดเล็บ ๆ จะเกี่ยวกับตาข่ายเค้าจะไม่สนุกนะจะบอกให้

การเลี้ยงให้สนุก
ต้องปล่อยให้เค้าได้โลดเล่นโดยอิสระครับ วันละอย่างน้อยหนึ่งครั้ง ภายในที่พัก ให้เค้าได้ออกกำลังและไม่เครียด ซึ่งส่วนใหญ่ครึ่งชั่วโมงเค้าก็เบื่อแล้วครับ อีกอย่างเป็นการสร้างความคุ้นเคย เพื่อเตรียมความพร้อมในการปล่อยเค้าเล่นกับธรรมชาติภายนอกได้ ผมว่าที่สุดของการเลี้ยงคือได้ปล่อยให้เค้าโลดเล่นตามต้นไม้ในธรรมชาติได้โดยที่เราไม่เสียเค้าไป ผมว่าเค้ามีความสุขน่ะ

เมื่อเจ้าตัวน้อยเป็นหนุ่ม
เมื่อเจ้าตัวน้อยของเราเป็นหนุ่มก็โน้นละครับประมาณ 5-6 เดือน ผมถือว่าเมื่อขนชุดแรกเค้าขึ้นเต็มตัวน่าจะถือเอาได้ว่าเป็นหนุ่มแล้ว

แต่งตัวหล่อ/สวย
จับใส่เสื้อผ้าได้หรือปล่าวน้อ.....ใส่ได้นะแต่เสียเปล่าว เสียตังค์ฟรี เพราะเค้าจะกัดแทะขาดหลุดหลุ้ยหมดแหละ ถ้าเลี้ยงคู่ก็จะช่วยกันกัดอย่างหนุกหนาน แต่ในส่วนสร้อยคอใส่ได้ครับ แต่ต้องเลือกแบบแข็งแรงหน่อย กันการกัดแทะนี้ละครับ และยังใช้ประโยชน์ในการใส่โซ่ในการพอเค้าไปเที่ยวข้างนอกงัย

อย่าประมาทเจ้าตัวน้อย
หากคุณมั่นใจว่าเค้าเชื่องพอที่จะปล่อยให้เล่นหรือพาไปทัวร์ข้างนอกมีข้อควรระวังดังนี้ครับ

สำหรับภายในบ้าน

- ภายในห้องมีของใช้ที่เกี่ยวกับไม้หรือเปล่า

- เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ

- ลำโพงเครื่องเสียง โฮมเธียเตอร์

- ของตกแต่งชิ้นเล็กชิ้นน้อยที่ตกหล่นได้ง่าย


หากภายในห้องมีของแบบนี้อยู่พึงระวัง หรือไม่ก็หาที่โล่ง ๆ ปล่อยดีกว่าครับ เพราะของข้างต้นจะถูกกัดแทะเสียหาย ของตกแตกเป็นว่าเล่น

หากจะพาขึ้นรถเก๋งไปข้างนอกไม่ว่าด้วยกิจอันใด

ให้ใช้กรงเล็กใส่ไปนะครับ เพราะหากคุณปล่อยให้เค้าเล่นในรถ เละสถานเดียวครับ ไม่ใช่แค่ฉี่ นะครับ เบาะหนัง คอนโซล พวงมาลัย ไม่เหลือแน่ครับ